ท่ามกลางกระแสผู้เล่นใหม่หลายคนของ อาร์เซนอล ในฤดูกาลนี้ อีกหนึ่งผู้เล่นที่อยู่กับทีมมาก่อนแล้วและถูกจับตามองไม่แพ้กันคือ “โธมัส ปาร์เตย์”
ปาร์เตย์ คือ “บิ๊กเนม” ที่ อาร์เซน่อล ทุ่มทุนสร้าง 50 ล้านยูโร ฉีกสัญญาดึงตัวมาจาก แอตเลติโก มาดริด ในวันสุดท้ายของตลาดซัมเมอร์ปีก่อน
การมาของ ปาร์เตย์ สร้างความหวังให้กับแฟนบอลปืนใหญ่อย่างมากเพราะผลงานตลอดหลายปีกับ “ตราหมี” พิสูจน์คุณภาพฝีเท้าได้เป็นอย่างดี แถมอยู่ในวัยที่กำลังฉกาจฉกรรจ์เพิ่งอายุครบ 27 ปี
ทว่าฤดูกาลแรกกับ อาร์เซน่อล กลับกลายเป็นฤดูกาลที่ยากลำบากสำหรับ ปาร์เตย์ ทั้งด้วยอาการบาดเจ็บส่วนตัวและฟอร์มโดยรวมของทีม
ปาร์เตย์ ได้รับบาดเจ็บถึง 4 ช่วง ทำให้ได้ลงสนามทั้งหมดเพียง 33 นัดจากทุกรายการ นับเฉพาะพรีเมียร์ลีก เขาได้ออกสตาร์ตตัวจริง 18 นัดเท่านั้น ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
ย้อนไปในช่วง 5 ฤดูกาลก่อนหน้านั้นกับตราหมี ปาร์เตย์ พลาดลงสนามเพราะบาดเจ็บเพียง 5 นัด แต่ฤดูกาลแรกกับปืนใหญ่ อาการบาดเจ็บพรากกองกลางทีมชาติกานาไปจากสนามรวมกันเกินสิบนัด
ยิ่งมีอาการบาดเจ็บบ่อยครั้งยิ่งส่งผลต่อฟอร์มการเล่นเพราะขาดความต่อเนื่อง บางครั้งกลับมาลงเล่นและกำลังเรียกจังหวะที่คุ้นเคยได้อยู่แล้วก็ต้องเจ็บซ้ำไปอีก ทุกอย่างจึงชะงักไปหมด
มิเกล อาร์เตต้า เคยพูดเกี่ยวกับสภาพร่างกายของ ปาร์เตย์ เอาไว้ว่า
“ปัญหาใหญ่สุดของเขาคือเรื่องความฟิต มันเป็นปัญหามานาน เขาไม่มีเวลาเตรียมตัวเล่นในเกมระดับสูง เห็นได้ชัดว่าส่งผลกระทบเนื่องจากระดับการเล่นในพรีเมียร์ลีกนั้นสูง และความฟิตคือกุญแจสำคัญ”
“เขาไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถแสดงคุณภาพในระดับที่เขาทำได้ จนถึงจุดนี้เขายังไม่มีความเป็นไปได้นั้น”
“มันจึงเป็นเรื่องยากในการประเมินเพราะก่อนหน้านี้เขาพลาดการลงสนามมาหกเดือน นั่นเป็นเวลานาน “
“นอกจากนี้ เขายังต้องปรับตัวให้เข้ากับวิธีการเล่นของเราซึ่งแตกต่างจากที่เขาทำที่ แอตเลติโก มาดริด”
เริ่มต้นไม่ดีเจ็บในช่วงปรีซีซั่นก่อนกลับมาได้ในเกมล่าสุด
เช่นเดียวกับฟอร์มโดยรวมของทีมที่สามวันดีสี่วันไข้ แม้จะมีช่วงที่ทำได้ดีบ้าง แต่ส่วนใหญ่ต่ำกว่ามาตรฐานทั้งการเล่นและผลการแข่งขันจนทำให้ มิเกล อาร์เตต้า เจอความกดดันต่อเนื่องก่อนจบฤดูกาลด้วยการพลาดตั๋วไปเล่นในถ้วยยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี
ฤดูกาลแรกกับ อาร์เซน่อล ของ โธมัส ปาร์เตย์ จึงไม่ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น
นั่นทำให้ฤดูกาลนี้ ทุกคนทั้ง อาร์เตต้า เพื่อนร่วมทีม และแฟนบอลต่างคาดหวังและหวังว่า ปาร์เตย์ จะได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องเพื่อเค้นเอาศักยภาพที่มีออกมาช่วยทีมให้ได้มากที่สุด หรืออย่างน้อยต้องมากกว่าฤดูกาลที่แล้ว
อาร์เตต้า กล่าวถึง ปาร์เตย์ กับฤดูกาลที่สองในการเล่นให้ปืนใหญ่ว่า
“เขาเป็นผู้เล่นที่ต้องเป็นหนึ่งในผู้นำทีม ต้องเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางและเป็นหนึ่งในแข้งซีเนียร์ที่ต้องรับผิดชอบนำทัพผู้เล่นหนุ่มๆ เราขาดตรงนี้ไปในช่วงสำคัญที่ผ่านมา”
“เขามีแนวคิดในการเอาชนะเพราะเขาชนะมาแล้วมากมาย และการมีนักเตะแบบนี้ในทีมก็เป็นเรื่องสำคัญสุดๆ”
สิ่งที่ อาร์เตต้า มอง ปาร์เตย์ ไม่ใช่แค่ฝีเท้าที่ต้องโชว์ให้เห็นมากกว่าเดิมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเป็นผู้นำในทีมที่ต้องมีส่วนประคับประคองแข้งดาวรุ่งหลายคน
อาร์เซน่อล กำลังเปลี่ยนเป็นทีมแห่งอนาคตเพราะ 6 แข้งใหม่ที่ย้ายมาร่วมทีมไม่ว่าจะเป็น นูโน่ ตาวาเรส, อัลเบิร์ต แซมบี้ โลคองก้า, เบน ไวท์, อารอน แรมส์เดล, มาร์ติน โอเดการ์ด และ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ล้วนอายุไม่เกิน 23 ปี
ขณะที่ก๊วนดาวรุ่งแห่งความหวังคนอื่นก็ยังอยู่กับทีมไม่ว่าจะเป็น บูคาโย่ ซาก้า, เอมิล สมิธ โรว์, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, โฟลาริน บาโลกุน หรือกระทั่ง คีแรน เทียร์นีย์ ก็เพิ่งอายุ 24 ปีเท่านั้นเอง
นี่จึงเป็นอีกภารกิจสำคัญของ ปาร์เตย์
ในฤดูกาลใหม่นี้ ปาร์เตย์ เริ่มต้นแบบที่ทำให้แฟนบอลอดเป็นห่วงไม่ได้เพราะเขาบาดเจ็บ (อีกแล้ว) ในเกมปรีซีซั่นที่พบกับ เชลซี จนทำให้พลาดลงสนามตลอด 4 นัดแรกของฤดูกาล
กองกลางวัย 28 ปี เพิ่งเรียกความฟิตกลับมาลงเล่นได้ในเกมเฉือนชนะ นอริช ซิตี้ 1-0 ที่ลงเป็นสำรองในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย
แต่ในนัดแรกที่กลับมาลงสนาม ปาร์เตย์ ก็แสดงให้เห็นถึงคุณภาพทันทีกับการเป็นตัวคุมจังหวะแดนกลางที่เริ่มต้นเปิดเกมและยังคอยสกรีนเกมรุกคู่แข่งก่อนถึงแผงหลัง
โลร็องต์ อดีตแบ็กขวาชุดไร้พ่ายกล่าวถึง ปาร์เตย์ ว่า
“เขาสำคัญมากๆ กับผู้เล่นคนอื่นในระบบ 4-2-3-1 ผมไม่คิดว่าระบบ 4-1-4-1 ที่ใช้ในเกมพบ บียาร์เรอัล ตอนยูโรปา ลีก (รอบตัดเชือก) จะเหมาะสมกับเขา”
“ปาร์เตย์ ทำได้ดีกว่ากับการเล่นระบบมิดฟิลด์สองคนเพราะคนที่เล่นด้วยสามารถขยับเติมเกมรุกได้มากขึ้นและยังช่วยสนับสนุนการเล่นของ สมิธ โรว์ หรือ และ โอเดการ์ด”
“เขาทำให้แบ็กโฟร์มีความสมดุลด้วยการป้องกันชั้นแรก และช่วยให้ผู้เล่นแนวรุกลงตัวขึ้นเพราะเขามีอิสราะในการลุยขึ้นข้างหน้า”
“มันสำคัญกับการที่เขาเล่นในบทบาทนี้เพื่อเค้นศักยภาพออกมาให้ได้มากที่สุด แต่เราต้องภาวนาว่าอย่าให้เขาต้องมีอาการบาดเจ็บใดๆ อีก”
สิ่งที่ โลร็องต์ และภาวนาในแบบเดียวกับแฟนบอลก็คือ อย่าให้ ปาร์เตย์ ต้องเจอกับอาการบาดเจ็บบ่อยครั้งเหมือนฤดูกาลที่แล้วเพราะเขาเชื่อมั่นว่าหากได้ลงสนามต่อเนื่อง อาร์เซน่อล จะได้ประโยชน์จากเขาอย่างมาก
นอกจากนี้ โลร็องต์ ยังได้กล่าวถึงการที่ ปาร์เตย์ ถูกนำไปเปรียบเทียบกับสองกองกลางตำนานยุคไร้พ่ายอย่าง ปาทริค วิเอร่า และ จิลแบร์โต้ ซิลวา ว่าไม่ใช่สิ่งที่เหมาะนักเพราะปัจจัยหลายอย่างไม่เหมือนกัน
“เราต้องหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบเพราะ ปาทริค วิเอร่า คือ ปาทริค วิเอร่า และ จิลแบร์โต้ ซิลวา ก็คือ จิลแบร์โต้ ซิลวา ทั้งสองต่างเป็นผู้เล่นระดับโลก”
“เราต้องมองไปข้างหน้าและเอาใจช่วย โธมัส ปาร์เตย์ ในแบบที่เขาเป็น เขาเป็นผู้เล่นที่ต่างออกไปและอยู่ในทีมที่ต่างกัน เราไม่สามารถเปรียบเทียบ ปาร์เตย์ กับ วิเอร่า หรือ จิลแบร์โต้ ซิลวา ได้เพราะไม่ใช่วิธีถูกต้องนักในการประเมินสิ่งต่างๆ”
“ปาร์เตย์ เป็นผู้เล่นคุณภาพและเขาพิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้วที่ แอตเลติโก มาดริด และนับตั้งแต่ย้ายมาที่นี่ เขาก็ทำได้ดีเยี่ยม”
“เราหวังว่าเขาจะไม่เจออาการบาดเจ็บเพราะว่าผู้เล่นอย่าง ปาร์เตย์ จำเป็นต้องได้เล่นในทุกสุดสัปดาห์และทีมจะได้ประโยชน์ในสิ่งที่เขาทำในสนาม”
“เขายังมีศักยภาพอีกมากที่จะทำผลงานได้ดีขึ้นอีก ยิ่งได้ลงเล่นมากยิ่งมีโอกาสไปถึงระดับที่เราคาดหวังจากเขา”
หาก โธมัส ปาร์เตย์ สามารถหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บได้และได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่ผลงานของเขาที่น่าจะทำได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่อาจรวมถึงฟอร์มการเล่นของ อาร์เซนอล ด้วย