เมื่อสมิธโรว คนเดียวอาจไม่พอ โอเดการ์ด จึงต้องเข้ามาเติมเต็ม

เมื่อสมิธโรว คนเดียวอาจไม่พอ โอเดการ์ด จึงต้องเข้ามาเติมเต็ม

เมื่อสมิธโรว คนเดียวอาจไม่พอ โอเดการ์ด จึงต้องเข้ามาเติมเต็ม

เมื่อสมิธโรว คนเดียวอาจไม่พอ โอเดการ์ด จึงต้องเข้ามาเติมเต็ม

เมื่อสมิธโรว คนเดียวอาจไม่พอ โอเดการ์ด จึงต้องเข้ามาเติมเต็ม เริ่มต้นฤดูกาลด้วยความพ่ายแพ้ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหาหลายๆอย่าง และคนที่แฟนบอลต่างมองว่า ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ ก็คือมิเกล อาร์เตต้า ที่ไม่สามารถพาลูกทีมเก็บชับชนะได้ ในเกมที่ต้องออกไปเยือนน้องใหม่อย่าง เบรนท์ฟอร์ด

“New season, Same Arsenal” วลีที่แพร่กระจายไปทั่วในตอนนี้ สื่อให้เห็นถึงสถานะของอาร์เซน่อล ที่ดูไม่มีการพัฒนาขึ้นจากปีก่อน ปีที่แล้วแย่อย่างไร นัดแรกในฤดูกาลใหม่นี้ ก็เป็นอย่างนั้น โดยเฉพาะการเสียประตูที่มาจากความผิดพลาดของผู้เล่นเกมรับ ที่แม้จะเสริมทัพด้วยผู้เล่นใหม่ ที่ห้อยป้ายราคา 50 ล้านปอนด์ ก็ยังเร็วเกินไปที่เขาจะปรับตัว และยกระดับทีมได้ทันที

แต่ปัญหาจริงๆ ของอาร์เซน่อล อาจไม่ใช่เกมรับ

แม้จะมีฟอร์มสุดบู่ กู่ไม่กลับ ในฤดูกาลก่อน แต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นทีมที่เสียประตูน้อยสุดเป็นอันดับ 3 ในลีก กลับกัน เกมรุกต่างหากที่อาจจะเป็นปัญหาที่แท้จริงของทีม

ในเกมกับเบรนท์ฟอร์ด สถิติชี้ชัดว่า อาร์เซนอล ครองเกมได้เหนือกว่า (ครองบอล 64.7%) ผ่านบอลมากกว่าเกือบ 2 เท่า โอกาสเข้าทำก็มีมากมายถึง 22 ครั้ง แต่กลับทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน (ยิงตรงกรอบเพียง 4 ครั้ง) ขณะที่เจ้าบ้านน้องใหม่ ใช้โอกาสไม่เปลือง จากความพยายาม 8 ครั้ง เปลี่ยนเป็นสกอร์ได้ถึง 2 ประตู

โฟลาริน บาโลกัน และ กาเบรียล มาร์ตินเนลลี่ มีส่วนร่วมกับเกมรุก น้อยกว่าที่แฟนๆคาดหวัง

บาโลกัน ในบทบาทหมายเลข 9 พยายามที่จะเล่น link up play ถอยต่ำลงมาเชื่อมบอลในแดนกลาง แต่ก็ยังทำได้ไม่ดีพอ ได้สัมผัสบอลไป 60 ครั้ง น้อยที่สุดของอาร์เซน่อล ขณะที่มาร์ตินเนลลี่ ในบทบาท inside forward ทางซ้าย ที่ก็พยายามหุบเข้ามาด้านในเพื่อเปิดพื้นที่ให้ คีแรน เทียร์นี่ ได้เติมเกมบุกสุดเส้น ก็กลายเป็นใช้ศักยภาพในตัวที่มีได้ไม่เต็มที่ และดูยังต้องการความเข้าใจในการสอดเข้าไปในพื้นที่อันตราย (เปรียบเทียบกับ บูคาโย่ ซาก้า ที่ลงมาแทนแล้ว ทางซ้ายดูวูบวาบขึ้นอย่างชัดเจน)

ท้ายที่สุดแล้ว คนที่รับบทบาทหนักหน่วงที่สุดในเกมรุกก็คือ เอมิล สมิธโรว และที่น่าเห็นใจก็คือ เมื่อเปลี่ยนมาสวมเสื้อเบอร์ 10 ก็มักจะมีสปอตไลท์ส่องอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นเป้าหมายในการจ้องเล่นงานของเจ้าบ้านไป ไม่ได้เล่นง่ายๆเหมือนอย่างเดิม แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังดูโดดเด่นที่สุดในแผงเกมรุกของทีมอยู่ดี ยิ่งพอซาก้าลงมา กลายเป็นเข้าคู่ รู้ใจ เล่นได้เนียนตามากขึ้น

เมื่อสมิธโรว คนเดียวอาจไม่พอ โอเดการ์ด จึงต้องเข้ามาเติมเต็ม

แต่นั่นก็ยังไม่พอ และดีลของมาร์ติน โอเดการ์ด ดูมีความจำเป็นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

โอเดการ์ด มีเวลากับอาร์เซนอลเพียง 6 เดือนในฤดูกาลที่แล้ว และกว่าจะปรับตัวเข้ากับทีม กว่าจะทำความเข้าใจในจังหวะของฟุตบอลอังกฤษ ก็กินเวลาอีกร่วมเดือน ดังนั้นช่วงเวลาของกัปตันทีมชาตินอร์เวย์กับอาร์เซน่อล จริงๆแล้ว มีเพียงนิดเดียวเท่านั้น และการมีโอเดการ์ด อยู่ในทีม อาจทำให้สมิธโรว สามารถเล่นได้ดีขึ้น และอาจจะมีประโยชน์กับทีมมากขึ้น

ตัวอย่างที่ชัดที่สุด คือเกมพบกับสเปอร์เมื่อฤดูกาลก่อน ที่อาร์เตต้า เลือกโอเดการ์ดให้เป็นจอมทัพ และขยับสมิธโรว ออกไปด้านซ้าย ซึ่งเป็นเกมแรกที่เลือกทำแบบนี้

การเล่นร่วมกันที่ริมเส้นฝั่งซ้ายของสมิธโรว กับเทียร์นี่ สามารถสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับของสเปอร์ได้อย่างมาก และจบที่สมิธโรว สามารถสร้างโอกาสได้ถึง 4 ครั้ง รวมถึงผ่านบอลสำเร็จถึง 97.3% ส่วนประตูจากลูก open play ก็มาจากการเล่นทางฝั่งซ้าย โดยเป็นการแอสซิสต์ของเทียร์นี่ และคนทำประตูก็คือ มาร์ติน โอเดการ์ด

จะเห็นได้ว่า ทั้งสมิธโรว และโอเดการ์ดนั้น มีลักษณะการเล่นที่แตกต่างกันมาก

โอเดการ์ด วางบอลยาวสำเร็จ 3 ครั้ง ไม่มีพลาดเลย ขณะที่สมิธโรว ไม่ได้วางบอลยาวเลยในเกมนั้น แต่กลับกัน สมิธโรวสามารถเลี้ยงผ่านผู้เล่นสเปอร์ได้ 2 ครั้ง แต่โอเดการ์ด ไม่ได้เลี้ยงผ่านใครเลย เป็นความแตกต่างที่สอดรับกันและกัน

ซึ่งทำให้อาจมองได้ว่า เอมิล สมิธโรว เหมาะจะเล่นริมเส้นฝั่งซ้าย ในบทบาท playmaker ตัวริมเส้น (แบบปิแรส หรือการ์ซอล่า) เพราะสไตล์การเล่นที่สามารถเลี้ยงกินตัวได้ และเน้นการชิ่งบอล ต่อบอลสั้นเพื่อเชื่อมเกม ขณะที่โอเดการ์ด เหมาะสมที่จะเป็นหัวใจในเกมรุกของทีมมากกว่า เพราะสามารถแทงบอลทะลุช่องได้ วางบอลยาวได้ และที่สำคัญ สามารถทำประตูจากระยะไกลได้ (แม้สมิธโรว จะสามารถทำประตูได้เช่นกัน แต่ก็มาจากการเข้าทำของทีม ไม่ได้มาจากการส่องไกล แบบที่กองกลางตัวรุกควรจะทำได้ ซึ่งเป็นจุดที่เขายังต้องพัฒนาต่อไป)

อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นทั้งสองคน ถือเป็นกำลังสำคัญของทีม โดยเฉพาะความแม่นยำการผ่านบอล ที่ในเกมนั้น สมิธโรวทำได้ 97.3% จากการผ่านบอล 37 ครั้ง และโอเดการ์ดทำได้ถึง96.6% จากการผ่านบอล 58 ครั้ง ซึ่งทั้งสองคนถือว่าทำได้มากสุดในสนาม โดยเฉพาะโอเดการ์ด ที่ผ่านบอลเข้าสู่พื้นที่สุดท้ายได้มากถึง 28 ครั้ง และรองลงมาก็คือ สมิธโรวและเทียร์นี่ ที่ 17 ครั้ง

ส่วนด้านเกมรับ ก็มีผลกับทีมเช่นกัน ที่สมิธโรวและโอเดการ์ สามารถนำบอลกลับมาครองได้ 5 และ 6 ครั้ง ตามลำดับ รวมถึงโอเดการ์ดยังชนะการเข้าปะทะอีก 3 ครั้งในเกมนั้น การเล่นร่วมกันของทั้งสองคน จะช่วยอาร์เซน่อลได้มากขึ้นจริงๆ

อาร์เซน่อล ที่มีมาร์ติน โอเดการ์ด ประจำการเป็นจอมทัพ ปีกซ้ายเป็นเอมิล สมิธโรว และปีกขวาเป็นบูคาโย่ ซาก้า ไม่ว่าหน้าเป้าจะเป็นใครมายืน น่าจะมีผลงานที่ดีอย่างแน่นอน ดังนั้น ผมขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ขอยืนยันว่า อาร์เซน่อล ต้องคว้าตัว มาร์ติน โอเดการ์ด มาให้ได้ หากมิเกล อาร์เตต้ายังคงเป็นผู้จัดการทีมต่อไป

คอลัมน์ : GUNNERTHAI โดย BugBankk ปืนใหญ่

• เรื่องน่าสนใจ •

เข้าสูตรถอนตัวทีมชาติ ปืนใหญ่มั่นใจ “คิงไค-พี่หมึก” ฟิตทันเยือนบอร์นมัธ หลังเบรกฯ

ไซมอน คอลลินส์ นักข่าวสายอาร์เซน่อลจาก London Evening Standard รายงานข่าวว่า อาร์เซน่อล มั่นใจว่า ไค...